วันที่จะต้องปิดคอร์ดแล้วจึงต้องตั้งใจเรียนกันหน่อยแล้ว ซึ่งในการเรียนในวันนี้ก็สามารถสรุปได้ดังนี้ค่ะเทคนิคการสอนภาษาการฟังและการการพูดเป็นพื้นฐานของการอ่านและการเขียนครูสามารถประเมินผลการสอนของตนเองจากเด็กได้ง่ายๆแนวคิดพื้นฐาน
1.ต้องรู้ธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก
2.ประสบการณ์ทางภาษาเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
3.เชื่อว่าเด็กสามารถเรียนรู้ได้
4.เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดถ้าสอนเเบ whole Language
5.เด็กจะเรียนรู้ได้ดีถ้าได้ตัดสินใจด้วยตนเอง
6.ให้เด็กรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
7.ไม่ให้เด็กรู้สึว่าถูกเเข็งขัน8.ครูต้องสอนทักษะไปพร้อมๆกัน
9.ทำให้การเรียนภาษาของเด็กเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
ควรสอนภาษาเด็กอย่างไร
1.เริ่มจากสิ่งที่เด็กสนใจ
2.ใช้การประเมินที่เหมาะสม
3.เสนอความคิดต่อผู้กครอง
4.ส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้อย่างกระตือร้น
5.สร้างความรู้สึกสำเร็จ
6.ให้เด็กได้อ่านในสิ่งที่คุ้นเคย
7.อ่านให้เด็กฟังจากแหล่งต่างๆ
8.จัดปะสบการณ์การอ่านและส่งเสริมให้เด็กได้ลงมือกระทำ
9.ส่งเสริมให้เด็กรู้จจักเสี่ยง
10.พัฒนาทางด้านจิตพิสัยตัวอย่างกิจกรรมส่งเสริมการพูด- อธิบายหรือเล่าถึงภาพที่เห็น-ทำท่าทางประกอบการพูด-เล่านิทาน-ลำดับเรื่องตามนิน-เรียงชื่อตามนิทาน-เรียกชื่อและอธิบายลักษณะสิ่งของ-จำและอธิบายสิ่งของ-อธิบายขนาดและสีของสิ่งของตัวอย่างกิจกรรมส่งเสริมการฟัง- ฟังประกอบหุ่น-ฟังและเเยกเสียง-ฟังเสียงคำคล้องจอง-ฟังอย่างสร้างสรรค์และวิจารณ์สำหรับในการเรียนในวันนี้ก็สามารถสรุปได้เพียงเท่านี้ค่ะ.....
สื่อการสอนประสบการณ์ทางภาษา
สอนภาษาผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์
ดูงาน อนุบาลสามเสน
สวัสดีค่ะ วันที่ 14 มกราคม 2552 ที่ผ่านมา พวกเราได้ไปศึกษาดูงานที่โรงเรียนอนุบาลสามเสน ซึ่งมีการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ให้กับเด็กๆ ซึ่งมีโต๊กิจกรรม 4 โต๊ะ คือ วาดภาพด้วยสีเทียน งานประดิษฐ์ ปั้นแป้งโด เด็กก็ทำงานศิลปะอย่างสนุกสนาน เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยเด็กๆก็นำผลงานไปส่งให้คุณครูและบอกชื่อผลงานและเรื่องราวที่อยู่ในภาพ ซึ่งเป็นการสอนสิลปะไปในตัวอีกด้วย
และในตอนบ่ายเราก็ได้เข้าร่วมสัมนาเกี่ยวกับเด็กปฐมวัยซึ่งเราได้ความรู้เกี่ยวกับเด็กปฐมวัยมามากมายเลยทีเดียว ไม่ว่า จะเป็น กิจกรรมหลัก 6กิจกรรม เทคนิคการสอนในแต่ละกิจกรรมซึ่งจะเป็นประโยชน์มากมายในการฝึกสอนในโอกาศต่อไป........
วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2552
การเชิดหุ่น
สวัสดีค่ะบทความนี้ก็คงจะบทบทความสุดท้ายของปีการศึกษานี้ก็คงจะได้เจอกันใน ปีการศึกษาหน้า ซึ่งบันทึกนี้จะได้พูดถึงการเชิดหุ่น เรื่องที่กลุ่มขงพวกเรานำมาเเสดงก็คือ "เธอตัวเล็กไปนะ" ซึ่งพวกเราก็ตั้งใจทำกันอย่างเต็มที่ ถึงแแม้ว่าจะออกมาอย่างที่เห็นบางคั้งอาจจะไม่ค่อยดี เท่าที่ควร เเต่พวกเราก็ทำกันอย่างเต็มที่แล้ว เท่าที่พวกเราจะทำได้
สำหรับการเชิดหุ่นเป็นการสื่อในการสอนภาษาให้กับเด็กได้ โดยหุ่นจะทำให้นิทานมีชีวิตชีวาชึ้น มาซึ่งจะทำให้เด็กสนุกสนานและไ้ภาษาไปในตัว ซึ่งการดูการเเสดงเด็กๆจะได้ทักษะในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น ฟัง พูด อ่าน เขียน และยังได้พัฒนาพัฒนาการทั้ง 4 ด้านอีกด้วย
สำหรับการเชิดหุ่นเป็นการสื่อในการสอนภาษาให้กับเด็กได้ โดยหุ่นจะทำให้นิทานมีชีวิตชีวาชึ้น มาซึ่งจะทำให้เด็กสนุกสนานและไ้ภาษาไปในตัว ซึ่งการดูการเเสดงเด็กๆจะได้ทักษะในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น ฟัง พูด อ่าน เขียน และยังได้พัฒนาพัฒนาการทั้ง 4 ด้านอีกด้วย
วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2552
บันทึกการเรียนวันที่ 7มกราคม 2552
สวัสดีค่ะในวันพุธที่ผ่านมานี้นะค่ะดิฉันได้เรียนการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยเรามาดูเนื้อหาที่เรียนกันเลยนะค่ะ
ระยะที่ 3 เป็นระยะที่เด็กเริ่มใช้ลักษณะการออกเสียงในขณะเขียนและการเขียนของเด็กเริ่มใกล้เคียงกับการเขียนตามแบบแผน
ในที่สุดเด็กสามารถเข้าใจหลักการเขียนหนังสือในภาษาของตนเองได้ เช่น เด็กเขียนอธิบายลักษณะบ้านแม่มด โดยเขียนคำว่าบ้านได้ถูกต้อง
เด็กใช้พยัญชนะขึ้นต้นแต่ละคำแทนคำต่าง ๆ ตามตัวอย่างที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นย่อมแสดงให้เห็นว่า เด็ก ๆ รู้ดีว่าการเขียนเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับภาษา
เด็กต้องใช้ความพยายามพอสมควรที่จะค้นหาลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างการเขียนและภาษา
การจัดสภาพแวดล้อม
จัดให้สอดคล้องกับเนื้อหาสาระและกิจกรรมโดยการจัดสันที่ภายในห้องเรียนที่สามารถตอบสนองความต้องการในการเรียนของเด็กที่มีความแตกต่างหลากหลายได้
การสร้างประสบการณ์และความพร้อมในการเรียนของแต่ละกลุ่มความสนใจ
การจัดห้องเรียนควรเป็นสถานที่ที่เด็กได้อยู่ในโลกของภาษาตัวหนังสือ สัญลักษณ์ที่มีความหมายต่อเรื่องที่เรียน มีมุมที่เด็กสนใจ โดยเด็กสามารถเข้าไปเรียนรู้ซึมซับภาษาได้ตลอดเวลา
การจัดสภาพแวดล้อมในมุมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการใช้ภาษาอย่างมีความหมายต่อเด็ก
มุมบ้าน เด็กจะเข้ามาในบ้านพูดคุยเล่นกัน มีการสื่อสารกันในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น รีดเสื่อผ้า ล้างชามในครัว ซึ่งช่วยให้เด็กพัฒนาตนเอง ได้เรียนรู้จากเพื่อน เตรียมกระดาษดินสอ ให้บันทึกข้อความจากการโทรศัพท์ถึงคุณแม่คุณพ่อ มีการจดรายการเตรียมไปจ่ายตลาดกับคุณแม่
มุมหมอ เด็กจะได้เล่นบทบามสมมุติเป็นหมอเป็นคนใข้ ฝึกการใช้ภาษาในการอธิบายอาการป่วย ใช้ภาษาสื่อสารกับคุณหมอ พยาบาล มีการนัดหมายกับหมอ โดยจดการนัดหมายลงในสมุด
มุมตลาด เด็กจะได้ฝึกการสนทนาสื่อสาร โต้ตอบระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ใช้เครื่องมือชั่งนำหนัก ตวงวัด ปริมาณ คำนวณเงินในการจ่าย ทอนเงิน
มุมจลาจล เด็กได้เรียนรู้สัญลักษณ์จลาจร การปฏิบัติตามสัณญาณไฟจราจร
มุมที่ดีครูจัดสภาพแวดล้อม จัดวางกระดาษ ดินสอ อุปกรณ์ หนังสือ ขั้นตออนการทำงานไว้ชัดเจน แล้วเด็กจะเข้าไปเล่นเรียนรู้ได้เองทั้งที่ต้องการและไม่ต้องการ
กระบวนการเรียนรู้แบบธรรมชาติตามวัยวุฒิของเด็ก
ครูต้องมีความเชื่อมั่น และไว้วางใจในตัวเด็กว่าเขาสามารถทำงานต่าง ๆ ได้ ถ้ามีฉันทะเกิดขึ้นแล้ว พฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กจะเกิดขึ้นเองซึ่งครูทุกคนต้องสังเกตุตลอดเวลา ให้เกิดเป็นประสบการณ์ตรงของครู สร้างองค์ความรู้ด้าพัฒนาการ
ระยะที่ 3 เป็นระยะที่เด็กเริ่มใช้ลักษณะการออกเสียงในขณะเขียนและการเขียนของเด็กเริ่มใกล้เคียงกับการเขียนตามแบบแผน
ในที่สุดเด็กสามารถเข้าใจหลักการเขียนหนังสือในภาษาของตนเองได้ เช่น เด็กเขียนอธิบายลักษณะบ้านแม่มด โดยเขียนคำว่าบ้านได้ถูกต้อง
เด็กใช้พยัญชนะขึ้นต้นแต่ละคำแทนคำต่าง ๆ ตามตัวอย่างที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นย่อมแสดงให้เห็นว่า เด็ก ๆ รู้ดีว่าการเขียนเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับภาษา
เด็กต้องใช้ความพยายามพอสมควรที่จะค้นหาลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างการเขียนและภาษา
การจัดสภาพแวดล้อม
จัดให้สอดคล้องกับเนื้อหาสาระและกิจกรรมโดยการจัดสันที่ภายในห้องเรียนที่สามารถตอบสนองความต้องการในการเรียนของเด็กที่มีความแตกต่างหลากหลายได้
การสร้างประสบการณ์และความพร้อมในการเรียนของแต่ละกลุ่มความสนใจ
การจัดห้องเรียนควรเป็นสถานที่ที่เด็กได้อยู่ในโลกของภาษาตัวหนังสือ สัญลักษณ์ที่มีความหมายต่อเรื่องที่เรียน มีมุมที่เด็กสนใจ โดยเด็กสามารถเข้าไปเรียนรู้ซึมซับภาษาได้ตลอดเวลา
การจัดสภาพแวดล้อมในมุมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการใช้ภาษาอย่างมีความหมายต่อเด็ก
มุมบ้าน เด็กจะเข้ามาในบ้านพูดคุยเล่นกัน มีการสื่อสารกันในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น รีดเสื่อผ้า ล้างชามในครัว ซึ่งช่วยให้เด็กพัฒนาตนเอง ได้เรียนรู้จากเพื่อน เตรียมกระดาษดินสอ ให้บันทึกข้อความจากการโทรศัพท์ถึงคุณแม่คุณพ่อ มีการจดรายการเตรียมไปจ่ายตลาดกับคุณแม่
มุมหมอ เด็กจะได้เล่นบทบามสมมุติเป็นหมอเป็นคนใข้ ฝึกการใช้ภาษาในการอธิบายอาการป่วย ใช้ภาษาสื่อสารกับคุณหมอ พยาบาล มีการนัดหมายกับหมอ โดยจดการนัดหมายลงในสมุด
มุมตลาด เด็กจะได้ฝึกการสนทนาสื่อสาร โต้ตอบระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ใช้เครื่องมือชั่งนำหนัก ตวงวัด ปริมาณ คำนวณเงินในการจ่าย ทอนเงิน
มุมจลาจล เด็กได้เรียนรู้สัญลักษณ์จลาจร การปฏิบัติตามสัณญาณไฟจราจร
มุมที่ดีครูจัดสภาพแวดล้อม จัดวางกระดาษ ดินสอ อุปกรณ์ หนังสือ ขั้นตออนการทำงานไว้ชัดเจน แล้วเด็กจะเข้าไปเล่นเรียนรู้ได้เองทั้งที่ต้องการและไม่ต้องการ
กระบวนการเรียนรู้แบบธรรมชาติตามวัยวุฒิของเด็ก
ครูต้องมีความเชื่อมั่น และไว้วางใจในตัวเด็กว่าเขาสามารถทำงานต่าง ๆ ได้ ถ้ามีฉันทะเกิดขึ้นแล้ว พฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กจะเกิดขึ้นเองซึ่งครูทุกคนต้องสังเกตุตลอดเวลา ให้เกิดเป็นประสบการณ์ตรงของครู สร้างองค์ความรู้ด้าพัฒนาการ
วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552
บันทึกการเข้าเรียน วันที่ 19 ธันวาคม 2551
สวัสดีค่ะวันนี้ เนื่องจากวันพุธ ที่ 17 ธันวาคม 2551 ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากติดสอบกลางภาค ดังนั้นพวกเราจึงไม่ได้เรียน วิชากรจัดประสบการณ์ทางภาษา แต่พวกเราก็ได้มาเรียนในวันศุกร์ แต่บรรยากาศในการเรียนวันนี้ค่อนข้างที่จะสบสนวุ่นวาย เนื่องจากอยู่หน้าคอมพ์ดังนั้นจึงไม่ค่อยที่จะมีใครฟังที่อาจารย์สอนเท่าไหร่นัก บางคนเล่น hi 5 บางคนดูเวปอะไรก็แล้วแต่จะดูกันไป จึงทำให้การเรียนในวันนี้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรเลย เนื่องจากไม่ค่อยได้ฟังอาจารย์อธิบา.แต่ข้าพเจ้าก้พอที่จะสรุปเป็นความรู้ได้ดังนี้
ลักษณะสำคัญและกิจกรรมทางภาษาแบบองค์รวมอ่าน
เขียน เน้นความเข้าใจเนื้อเรื่องมากกว่าการท่องจำตัวหนังสือผ่านการฟังนิทาน เรื่องราวสนทนาโต้ตอบ คิดวิเคราะห์ร่วมกับครูหรือผู้ใหญ่- การคาดคะเนโดยการเดาในขณะอ่าน เขียน และสะกด เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในการเรียนรู้ภาษาธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องอ่านหรือสะกดถูกต้องทั้งหมดมีหนังสือ วัสดุสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ให้เด็กเป็นผู้เลือก เพื่อได้รับประสบการณ์ทางภาษาอย่างหลากหลาย-ครูแนะนำและสอนอ่านในกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากโดยใช้หนังสือเล่มใหญ่ที่เห็นชัดเจนทั่วกัน ให้เด็กแบ่งกลุ่มเล็กๆผลัดกันอ่านด้วยการออกเสียงดังๆ-ครูสอนการอ่านอย่างมีความหมายด้วยความสนุกสนานในกลุ่มย่อย สอนให้รู้จักวิธีการใช้หนังสือการเปิดหนังสืออย่างถูกต้อง เปิดโอกาสให้เด็กพูดคุย ซักถามจากประสบการณ์เดิมซึ่งครูสามารถประเมินความสามารถการอ่านของเด็กแต่ละคนไปด้วยพร้อมกัน ให้เด็กแต่ละคนมีโอกาสเลือกอ่านหนังสือที่ชอบและยืมไปนั่งอ่านเงียบ ๆ-ให้เด็กได้เขียน ขีดเขี่ย วาดภาพ ถ่ายทอดสิ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์ ความประทับใจ อย่างอิสระ ครูตรวจสอบสภาพการเขียนของเด็กแต่ละคนโดยการให้เด็กเล่าสิ่งที่เขียนหรือวาดให้ครูฟัง โดยครูอาจแนะนำการเขียนที่ถูกต้อง เพื่อให้เด็กพัฒนาการเขียนได้ด้วยตัวเด็กเองทุกวันโดยไม่มุ่งแก้คำผิดหรือทำลายความอยากเขียนของเด็ก
ความเชื่อมโยงภาษาพูดกับภาษาเขียน
ภาษาพูดกับภาษาเขียนมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันโดย ความรู้เกี่ยวกับคำจะเพิ่มพูนมากขึ้นเมื่อเราพูด เล่า สนทนาโต้ตอบกัน เราอ่านจากหนังสือประเภทต่าง ๆ อ่านจากป้ายในทุกหนทุกแห่งที่สนใจ จะทำให้เด็กมีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวต่างๆไปพร้อมๆกันและช่วยให้เด็กมี ความรู้เพิ่มพูนขึ้น ทักษะการสนทนาจะพัฒนามากขึ้น ด้วยการพูดคุยกับพ่อแม่ เพื่อน ครู ในสถานการณ์หรือเรื่องราวที่มีความสัมพันธ์กับตัวเด็ก เมื่อเด็กได้รับโอกาสในการแสดงออกโดยการพูด เด็กจะได้เรียนรู้จากสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง จากสิ่งที่ผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง ซึ่งเด็กนำไปใช้เพื่อการสื่อสาร หรือแสดงความรู้สึกนึกคิดออกมาในการดำเนินชีวิตประจำวันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรู้ความหมายในภาษาเขียน จุดสำคัญการส่งเสริมและพัฒนาภาษาคือการที่ผู้ใหญ่อ่านหนังสือให้เด็กฟัง ในขณะที่ครูอ่านไป เด็กจะมองตามตัวหนังสือและมักจะพยายามหาความหมายไปด้วยจากภาพหรือจากตัวหนังสือ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรมการรู้หนังสือ…และอาจารย์ยังได้เสริมถึงเรื่องกิจกรรมที่จะส่งเสริมให้เด็กมีการเรียนรู้ทางภาษาได้เช่น
1.การเล่าสิ่งที่ตนเองรัก
2.การเล่าข่าวหรือกิจกรรมที่ตนเองได้ไปพบเจอมา
ลักษณะสำคัญและกิจกรรมทางภาษาแบบองค์รวมอ่าน
เขียน เน้นความเข้าใจเนื้อเรื่องมากกว่าการท่องจำตัวหนังสือผ่านการฟังนิทาน เรื่องราวสนทนาโต้ตอบ คิดวิเคราะห์ร่วมกับครูหรือผู้ใหญ่- การคาดคะเนโดยการเดาในขณะอ่าน เขียน และสะกด เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในการเรียนรู้ภาษาธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องอ่านหรือสะกดถูกต้องทั้งหมดมีหนังสือ วัสดุสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ให้เด็กเป็นผู้เลือก เพื่อได้รับประสบการณ์ทางภาษาอย่างหลากหลาย-ครูแนะนำและสอนอ่านในกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากโดยใช้หนังสือเล่มใหญ่ที่เห็นชัดเจนทั่วกัน ให้เด็กแบ่งกลุ่มเล็กๆผลัดกันอ่านด้วยการออกเสียงดังๆ-ครูสอนการอ่านอย่างมีความหมายด้วยความสนุกสนานในกลุ่มย่อย สอนให้รู้จักวิธีการใช้หนังสือการเปิดหนังสืออย่างถูกต้อง เปิดโอกาสให้เด็กพูดคุย ซักถามจากประสบการณ์เดิมซึ่งครูสามารถประเมินความสามารถการอ่านของเด็กแต่ละคนไปด้วยพร้อมกัน ให้เด็กแต่ละคนมีโอกาสเลือกอ่านหนังสือที่ชอบและยืมไปนั่งอ่านเงียบ ๆ-ให้เด็กได้เขียน ขีดเขี่ย วาดภาพ ถ่ายทอดสิ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์ ความประทับใจ อย่างอิสระ ครูตรวจสอบสภาพการเขียนของเด็กแต่ละคนโดยการให้เด็กเล่าสิ่งที่เขียนหรือวาดให้ครูฟัง โดยครูอาจแนะนำการเขียนที่ถูกต้อง เพื่อให้เด็กพัฒนาการเขียนได้ด้วยตัวเด็กเองทุกวันโดยไม่มุ่งแก้คำผิดหรือทำลายความอยากเขียนของเด็ก
ความเชื่อมโยงภาษาพูดกับภาษาเขียน
ภาษาพูดกับภาษาเขียนมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันโดย ความรู้เกี่ยวกับคำจะเพิ่มพูนมากขึ้นเมื่อเราพูด เล่า สนทนาโต้ตอบกัน เราอ่านจากหนังสือประเภทต่าง ๆ อ่านจากป้ายในทุกหนทุกแห่งที่สนใจ จะทำให้เด็กมีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวต่างๆไปพร้อมๆกันและช่วยให้เด็กมี ความรู้เพิ่มพูนขึ้น ทักษะการสนทนาจะพัฒนามากขึ้น ด้วยการพูดคุยกับพ่อแม่ เพื่อน ครู ในสถานการณ์หรือเรื่องราวที่มีความสัมพันธ์กับตัวเด็ก เมื่อเด็กได้รับโอกาสในการแสดงออกโดยการพูด เด็กจะได้เรียนรู้จากสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง จากสิ่งที่ผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง ซึ่งเด็กนำไปใช้เพื่อการสื่อสาร หรือแสดงความรู้สึกนึกคิดออกมาในการดำเนินชีวิตประจำวันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรู้ความหมายในภาษาเขียน จุดสำคัญการส่งเสริมและพัฒนาภาษาคือการที่ผู้ใหญ่อ่านหนังสือให้เด็กฟัง ในขณะที่ครูอ่านไป เด็กจะมองตามตัวหนังสือและมักจะพยายามหาความหมายไปด้วยจากภาพหรือจากตัวหนังสือ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรมการรู้หนังสือ…และอาจารย์ยังได้เสริมถึงเรื่องกิจกรรมที่จะส่งเสริมให้เด็กมีการเรียนรู้ทางภาษาได้เช่น
1.การเล่าสิ่งที่ตนเองรัก
2.การเล่าข่าวหรือกิจกรรมที่ตนเองได้ไปพบเจอมา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)